คาดรัสเซียใช้กฎอัยการศึก เพราะเสียเปรียบในเคอร์ซอน

สังคม13-10-65

ผู้นำปูตินของรัสเซียได้เซ็นชื่อในข้อบังคับความยั่งยืนมั่นคงประกาศใช้กฎอัยการศึกใน 4 ภูมิภาค ประกอบไปด้วย โดเนตสก์ ลูฮันสก์ เคอร์ชอน รวมทั้ง ซาโปริซเซีย ดินแดนทางภาคทิศตะวันออกแล้วก็ภาคใต้ของยูเครน ที่ถูกรวมเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของรัสเซียเมื่อเดือนที่ผ่านมา

โดยกฎอัยการศึกที่หัวหน้ารัสเซียประกาศมีประโยชน์สำคัญเป็น การมอบอำนาจพิเศษให้กับประธานในภูมิภาคอีกทั้ง 4 เพื่อจัดการกับการรุกคืบของยูเครน แล้วก็ประกาศก่อตั้งแผนกติดต่อประสานงานพิเศษจากรัฐบาลรัสเซียเพื่อปฏิบัติงานหรือดำเนินการด้วยกัน ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป การประกาศกฎอัยการศึกเป็นครั้งแรกของรัสเซีย ตั้งแต่แมื่อมีการบัญญัติกฎหมายนี้เมื่อปี 2002 โดยรัสเซียจะประกาศกฎอัยการศึกนี้ได้ก็เมื่อรัสเซียกำลังพบเจอกับการรุกราน หรือภัยจากการเช็ดขลุกรานที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน การประกาศกฎอัยการศึกของรัสเซีย จะมีผลยังไงต่อการทำสงครามในยูเครน แล้วก็จะกำเนิดอะไรขึ้นที่ข้างหลังการประกาศกฎอัยการศึกคราวนี้ หลายข้างคาดเดาว่า สิ่งที่บางทีอาจเกิดขึ้นเป็นหน่วยงานของแว่นแคว้นทั้งยัง 4 จะมีอำนาจสำหรับเพื่อการตั้งขึ้นกองกำลังปกป้องดินแดน เพื่อมาตรฐานชาวยูเครนในพื้นที่ไปออกศึก เพราะเหตุว่ากฎอัยการศึกฉบับนี้ ได้เพิ่มอำนาจให้กับประธานของประเทศสำหรับการบริหารราชการเร่งด่วน โดยจุดที่รัสเซียบางทีอาจประกาศระดมพลเป็น ดินแดนเคอร์ชอน จุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญของการทำศึกคราวนี้ เพราะว่ายูเครนยึดพื้นที่ที่มีความสำคัญในการรบทางปีกตะวันตกของดินแดนเคอร์ชอนคืนได้มากขึ้นเรื่อย

ดังนี้ วิตาลี คิม ผู้ว่าการแว่นแคว้นไม่โคลายิฟมั่นใจว่า การประกาศกฎอัยการศึกใน 4 ประเทศของยูเครนรวมทั้งที่เคอร์ชอน มีจุดหมายเพื่อมาตรฐานชาวยูเครนมาเป็นอย่างยิ่งเสริมในวันที่กองทัพรัสเซียกำลังจัดการกับกองกำลังยูเครนที่กำลังรุกคืบอย่างมากในดินแดนนี้ และไม่กี่ชั่วโมงภายหลังที่ผู้นำปูตำหนินประกาศกฎอัยการศึก โม้โลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำของยูเครน ได้ออกมาร้องขอให้ชายชาวยูเครนในดินแดนเคอร์ชอน หลบหลีกการเช็ดกหลักเกณฑ์ไปรบแบบไม่เต็มใจ และก็แม้ไม่อาจจะดื้อได้ ให้วางอาวุธและก็มายังจุดที่กองกำลังยูเครนประจำอยู่ หลายข้างเห็นว่าเป้าหมายหลักของการประกาศกฎอัยการศึกในคราวนี้ บางทีอาจอยู่ที่ประเทศเคอร์ชอน ด้วยเหตุว่าเมื่อพินิจพิเคราะห์จากสภาพการณ์ในสนามรบแล้ว รัสเซียกำลังเสียเปรียบอย่างมาก แผนที่การสู้รบปัจจุบันในพื้นที่ดินแดนเคอร์ชอน การสู้รบตรงนี้ยังคงเป็นไปอย่างดุดัน จากแผนที่จะมองเห็นได้ว่า เดี๋ยวนี้ทางฝั่งยูเครนสามารถรุกคืบพื้นทางปีกตะวันตกได้มากขึ้น โดยยิ่งไปกว่านั้นทางด้านตะวันตกเฉเหนือ ฝั่งที่ชิดกับแว่นแคว้นดนีโปรเปตรอคอยฟสก์

สังคม13-10-65

ในเวลาเดียวกันทางด้านตะวันตกเฉใต้ ยูเครนก็สามารถยึดพื้นที่ได้มากขึ้น จนกระทั่งเริ่มใกล้เมืองเคอร์ชอน ซึ่งเป็นเมืองเอกหรือศูนย์กลางการปกครองของภูมิภาคได้แล้ว นักวิชาการด้านการทำศึกเรียนรู้มีความคิดเห็นว่า จุดหมายของฝั่งยูเครนเป็น ควบคุมพื้นที่ทางด้านปีกตะวันตกของดินแดนเคอร์ชอนให้ได้ เนื่องจากว่าพื้นที่รอบๆนี้เป็นจุดหลักสำหรับเพื่อการระบุรวมทั้งรักษาสมดุลของการรบ ช่วงเวลาเดียวกันก็ประเมินว่า ยูเครนจะยังไม่อาจจะผ่านไปยึดพื้นที่ทางปีกทิศตะวันออกของแม่น้ำดนีเปอร์ได้ในเร็วๆนี้ เนื่องจากว่ารัสเซียมีทหารและก็เสบียงกรังสำหรับสู้ในระยะยาว ที่ถูกส่งมาจากอีกทั้งไครภรรยารวมทั้งทางตอนใต้ของรัสเซีย โดยแผนการที่เหมาะสมที่สุดสำหรับยูเครนณ เวลานี้เป็น ใช้ชั้นเชิงล้อมกองพันของรัสเซียและก็บังคับให้ยอมรับความพ่ายแพ้ ช่วงเวลาเดียวกัน ผู้บังคับบัญชาการรบคนใหม่ของรัสเซียก็ออกมาเห็นด้วยอย่างไม่อ้อมค้อมว่า เหตุการณ์ในเคอร์ชอนเหนื่อยยากอย่างมาก ทำให้หลายข้างเห็นว่า นี่บางทีอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ปูว่ากล่าวนประกาศกฎอัยการศึกเพื่อใช้มาตรการพิเศษตรงนี้ โดยหนึ่งในความน่าจะเป็น เป็นรัสเซียบางทีอาจบังคับหรือหลักเกณฑ์ชาวยูเครนในประเทศต่างๆให้ไปร่วมรบ

อย่างไรก็แล้วแต่ การบังคับให้ประชากรไปร่วมรบหรือทำหน้าที่ในกองกำลังของฝั่งที่เข้ารุกรานหมายถึงการฝ่าฝืนอนุสัญญาเจนีวาเกี่ยวกับการทำสงคราม นอกเหนือจากนี้ยังมีอีกการเปลี่ยนแปลงหนึ่งที่กำลังเกิดขึ้นในแว่นแคว้นเคอร์ชอน ข้างหลังรัสเซียประกาศกฎอัยการศึก โน่นเป็นการโยกย้ายถิ่นฐานข้าราชการชาวยูเครนเกือบจะ 60,000 คนไปยังรัสเซีย ภาพส่วนหนึ่งส่วนใดของผู้ที่ถูกย้ายถิ่นออกมาจากพื้นที่ จะมองเห็นได้ว่ามีราษฎรมาตั้งแถวรอคอยย้ายถิ่นขึ้นเรือจำนวนไม่น้อย ที่ผ่านมาทางการยูเครนพูดว่า ชาวยูเครนจำนวนไม่น้อยถูกขับไล่หรือบังคับให้จะต้องย้ายถิ่นออกมาจากยูเครน รวมทั้งการประกาศกฎอัยการศึกจะยิ่งทำให้รัสเซียทำสิ่งพวกนี้เยอะขึ้นเรื่อยๆ จำนวนของ UNHCR เมื่อกันยายนชี้ว่า รัสเซียบางทีอาจบังคับให้ชาวยูเครนมากยิ่งกว่า 1 ล้าน 6 แสนคนย้ายออกจากพื้นที่ ดังนี้การบังคับให้มีการเคลื่อนย้ายภูมิลำเนาถือว่าเป็นการการฝ่าฝืนอนุสัญญาเจนีวาเกี่ยวกับการปฏิบัติงานการศึกสิ่งเดียวกันการบังคับคนให้ไปรบในการศึก แม้กระนั้น ข้าราชการระดับที่ค่อนข้างสูงของดินแดนเคอร์ชอนที่ได้รับการแต่งจากรัสเซียกล่าวว่า ทางการของแว่นแคว้นจำเป็นจะต้องย้ายถิ่นข้าราชการออก เนื่องจากพวกทุ่งนาซีกำลังบุก รวมทั้งการรบครั้งสำคัญเพื่อคุ้มครองปกป้องเคอร์ชอนกำลังจะเริ่มขึ้น

หลายข้างมีความคิดเห็นไปในทางเดียวกันว่า การประกาศกฎอัยการศึกของผู้นำปูติเตียนนในคราวนี้ เป็นไปเพื่อรัสเซียสามารถใช้แนวทางการที่หนักขึ้นสำหรับเพื่อการรักษาพื้นที่ประเทศเคอร์ชอนเอาไว้ ยังปราศจากความแจ่มแจ้งว่าวิธีการที่หนักขึ้นจะเป็นแบบไหน แม้กระนั้นเมื่อวานนี้นายพลซูโรวิกิน (19 เดือนตุลาคม) ซึ่งพึ่งได้รับการแต่งให้เป็นผู้บังคับบัญชารบคนใหม่ของรัสเซียให้สัมภาษ์เพียงว่า “การตัดสินใจครั้งสำคัญและก็เป็นการตกลงใจที่ไม่ง่ายกำลังจะจำต้องเกิดขึ้น” โดยไม่ลงรายละเอียดใดๆก็ตามเสริมเติม จะมองเห็นได้ว่ายิ่งยูเครนเหนือกว่ามากเพิ่มขึ้นเท่าไร การทำศึกยูเครนจะยิ่งสลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้นขึ้นแค่นั้น เพราะว่าราคาของการพนันในการทำศึกสูงมากมายและก็ทั้งสองฝ่ายจะไม่มีวันยอมยกธงขาว อย่างไรก็ตาม ความสลับซับซ้อนของการทำศึกยูเครนที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ทำให้มีคู่อริที่เข้ามาเกี่ยวพันกับการทำศึกเยอะขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศอิหร่าน ที่ถูกใส่ร้ายป้ายสีว่าเป็นผู้ส่งยุทโธปกรณ์อย่างโดรนสละชีพแล้วก็จรวดนำวิถีระยะใกล้ให้แก่รัสเซียเพื่อจู่โจมยูเครน และก็เมื่อคืนนี้ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาประเทศอิหร่านได้ออกมาโต้กลับเสียงครหาดังกล่าวข้างต้น ซาเหนื่อย อิราวานี เอกอัครราชทูตประเทศอิหร่านประจำองค์การสหประชาชาติได้แถลงไม่ยอมรับว่าประเทศอิหร่านมิได้ส่งโดรนให้รัสเซียเพื่อใช้ในการศึกการรุกรานยูเครน พร้อมกล่าวว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็น การใส่ร้ายโดยชาติตะวันตก

ในขณะนักการทูตประเทศอิหร่านกำลังแถลงต่อหน้าต่อตาผู้รายงานข่าว ปรากฏว่า ดมิทรี โปเลียนสกี รองผู้แทนถาวรรัสเซียประจำองค์การสหประชาชาติยืนอยู่นั่นด้วย โดยรองผู้แทนถาวรรัสเซียบอกเช่นเดียวกันกับนักการทูตประเทศอิหร่านว่า คำครหาที่ว่าประเทศอิหร่านส่งโดรนสละชีพให้รัสเซีย เป็นเพียงแค่สิ่งที่ชาติตะวันตกใช้เพื่อป้ายความผิดประเทศอิหร่านและก็รัสเซีย ต่อไป ผู้รายงานข่าวก็เลยได้ถามคำถามว่า ถ้าเกิดเป็นแบบนั้นจริง เพราะอะไรรัสเซียไม่อนุญาตให้หน่วยงานที่เกี่ยวเข้าไปตรวจทานเรื่องที่เกิดขึ้น คำตอบของดมิทรี โปเลียนสกีหมายถึงไม่สำคัญอะไรก็ตามที่จำต้องทำแบบนั้น การเข้ามาเกี่ยวข้องของประเทศอิหร่าน ทำให้หลายเริ่มสนใจกับอิสราเอล ซึ่งเป็นคู่แข่งขันอีกชาติหนึ่งในตะวันออกกลาง ที่บางทีอาจถูกลากเข้ามาในการรบยูเครน เมื่อวันจันทร์ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา ข้างหลังยูเครนถูกจู่โจมด้วยโดรนประเทศอิหร่านกว่า 80 ลำ ดมิโทร คูเลบา รัฐมนตรีเมืองนอกยูเครนเรียกร้องให้อิสราเอล ซึ่งเป็นชาติที่มีระบบระเบียบป้องกันตัวทางอากาศที่นำสมัย ส่งระบบดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นให้แก่ยูเครนเพื่อคุ้มครองป้องกันชีวิตข้าราชการในทางการทูต นี่เป็นคำขอร้องที่น่าดึงดูด

เนื่องจากประเทศอิหร่านเป็นศัตรูเลขลำดับ 1 ของอิสราเอล การที่ประเทศอิหร่านแสดงตัวว่าอยู่กับรัสเซียก็เลยบางทีอาจเป็นช่องทางอันดี ที่ยูเครนจะดึงให้อิสราเอลมาอยู่ฝั่งของตน รวมทั้งหากอิสราเอลปฏิบัติตามคำวิงวอนงยูเครนด้วยการส่งระบบป้องกันตัวทางอากาศ แน่ๆว่าจะเกิดผลดีต่อยูเครน อิสราเอลว่ายังไงเมื่อยูเครนวิงวอนอย่างนี้ เมื่อคืนนี้ก่อนหน้านี้ เบนนี แกนต์ซ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมอิสราเอล ได้เปิดแถลงข่าวถึงประเด็นนี้ โดยกล่าวว่า อิสราเอลมีจุดยืนที่ชัดแจ้งเป็นอยู่ข้างยูเครน แต่ว่าอิสราเอลจะไม่ส่งระบบป้องกันตัวทางอากาศให้กับยูเครนตามคำอ้อนวอน และก็ความให้การช่วยเหลือที่อิสราเอลจะให้กับยูเครนจะจำกัดอยู่ในขอบเขตข้อจำกัดด้านมนุษยธรรมแค่นั้น นี่เป็นการส่งสัญญาณที่แจ่มชัดจากอิสราเอลว่ายังไม่พร้อมที่จะกระโจนเข้าไปในการทำศึกยูเครน เพราะว่าอิสราเอลจะต้องคุ้มครองผลตอบแทนแห่งชาติของตน ซึ่งมีรัสเซียเข้ามาเกี่ยวพันด้วย